ดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index 2020: GII)

3 กันยายน 2563

ดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index 2020: GII)

ใครจะจ่ายเงินทำนวัตกรรม (Who Will Finance Innovation?)

-----------------------------------------

ประเทศอยู่ตรงไหนในอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก 2020?

-----------------------------------------

ปี 2020 เป็นปีที่ 13 ที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (WIPO) ร่วมกับ มหาวิทยาลัย Cornell และ The Business School for the World (INSEAD) ได้จัดทำรายงานดัชนีชี้วัดระดับความสามารถทางด้านนวัตกรรมเสมือนมาตรวัดเปรียบเทียบเชิงเวลาและการเปรียบเทียบเชิงแข่งขันทางด้านนวัตกรรมของแต่ละประเทศกว่า 131 ประเทศทั่วโลก โดยดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index : GII 2020) ปีนี้มุ่งเน้นภายใต้ธีมการเงินนวัตกรรม “ ใครจะจ่ายเงินทำนวัตกรรม (Who Will Finance Innovation? )”

อันเนื่องมาจากวิกฤติทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่รับผลกระทบจากโรคโควิด -19 (COVID-19) ที่จะบ่งชี้สถานะความสามารถทางด้านนวัตกรรมโดยเฉพาะการเงินนวัตกรรมที่ต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาพบริบทของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง

ประกอบกับการส่งเสริมความเป็นผู้ประกอบการและการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 21 นวัตกรรมทางการเงิน (Finance Innovation) ถือเป็นประเด็นสำคัญทางธุรกิจและการขับเคลื่อนนโยบายในภาวะที่การแข่งขันในด้านการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศมีความรุนแรงมากขึ้นส่งผลต่อขีดความสามารถของภาคเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเฉพาะท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและภัยพิบัติทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง

ผลการจัดอันดับความสามารถทางด้านนวัตกรรมของประเทศในปีนี้อยู่อันดับที่ 44 ปรับลดลง 1 อันดับ จากปี 2019 โดยในปีนี้ปัจจัยเข้าทางนวัตกรรม (Innovation input sub-index) ปรับลดลงจากเดิมอันดับที่ 47 เป็นอันดับที่ 48 ขณะที่ปัจจัยย่อยผลผลิตทางนวัตกรรม (Innovation output sub-index) มีอันดับลดลงจากอันดับที่ 43 เลื่อนลงเป็นอันดับที่ 44

เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศกลุ่มรายได้ปานกลางระดับบน (upper middle-income economies) ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 4 จากจำนวน 37 ประเทศ รองจากประเทศจีน มาเลเซีย และบัลแกเรีย ทั้งนี้ประเทศไทยมีอันดับที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยในทุกปัจจัยชี้วัดความสามารถทางด้านนวัตกรรม ยกเว้นปัจจัยด้านทุนมนุษย์และการวิจัย แต่หากเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 10 จากจำนวน 17 ประเทศ

โดยในองค์ประกอบของดัชนี GII ประกอบด้วยดัชนีย่อย 2 ด้าน ได้แก่ ดัชนีย่อยปัจจัยเข้าทางนวัตกรรม (Innovation input sub-index) และ ดัชนีย่อยผลผลิตทางนวัตกรรม (Innovation output sub-index) โดยภายใต้ 2 ดัชนีย่อยนี้ แบ่งองค์ประกอบออกเป็น 7 ปัจจัยเสาหลัก (Pillar) ได้แก่ 1) ปัจจัยด้านสถาบัน 2) ปัจจัยด้านทุนมนุษย์และการวิจัย 3) ปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน 4) ปัจจัยด้านระบบตลาด และ 5) ปัจจัยด้านระบบธุรกิจ 6) ผลผลิตจากองค์ความรู้และเทคโนโลยี และ7) ผลผลิตจากความคิดสร้างสรรค์

สำหรับอันดับมิติปัจจัยชี้วัดความสามารถด้านนวัตกรรมของประเทศไทยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน (อันดับ 67 จากเดิม 77) ระบบตลาด  (อันดับ 22 จากเดิม 32) และระบบธุรกิจ  (อันดับ 36 จากเดิม 60) ผลผลิตจากความคิดสร้างสรรค์  (อันดับ 52 จากเดิม 54) โดยในดัชนีชี้ย่อยค่าใช้จ่ายมวลรวมภายในประเทศสำหรับการวิจัยและพัฒนาซึ่งลงทุนโดยองค์กรธุรกิจต่างๆ (อันดับ 1) ซึ่งสะท้อนให้เห็นการลงทุนของภาคเอกชนในประเทศไทยมุ่งเน้นเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจด้วยการพัฒนานวัตกรรมมากขึ้น

นอกจากนี้เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งประเทศไทยปัจจัยย่อยผลผลิตทางนวัตกรรมในส่วนของผลผลิตจากองค์ความรู้และเทคโลยี และผลผลิตจากความคิดสร้างสรรค์ถูกจัดอันดับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าสร้างสรรค์ ถูกจัดอันดับเป็นอันดับ 1 ของโลกที่มีการสินส่งสินค้าประเภทนี้มากที่สุด

แต่อุปสรรคสำคัญในการสร้างขีดความสามารถนวัตกรรมที่ยังเป็นข้อด้อยของประเทศ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่างปัจจัยเข้าทางนวัตกรรม เช่น สภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบและข้อบังคับต่างๆ อัตราส่วนของครูและนักเรียน การกู้ยืมรายย่อยในระดับไมโครไฟแนนซ์ การลงทุนในธุรกิจร่วมลงทุน การบริการนำเข้าเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การบริการส่งออกเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นต้น

จากผลการจัดอันดับความสามารถทางด้านนวัตกรรมของประเทศไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมาจะเห็นได้แนวโน้มคะแนนอันดับความสามารถทางนวัตกรรมโดยรวมสูงขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปสลับขึ้นลงในอันดับที่ไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก แม้ว่าในปีนี้อันดับดัชนีนวัตกรรมจะลดลง แต่ในด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วไป จำนวนบุคลากรที่มีความรู้ในประเทศ การดูดซับองค์ความรู้ และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เป็นฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และยกระดับความเป็นอยู่ของคนในประเทศมีอันดับที่ดีขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยมีการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในด้านต่างๆ เพียงเร่งเสริมมาตรการที่เป็นจุดด้อยให้ตรงจุดโดยเฉพาะการพัฒนาทุนมนุษย์และการวิจัย และการเชื่อมโยงต่อยอดการสร้างนวัตกรรมที่มีอยู่แล้วในสร้างการไต่ระดับพัฒนาการทางนวัตกรรมที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนนำพาประเทศให้ก้าวพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางต่อไป

#NIA #IFI

#GlobalInnovationIndex2020 #GII2020 #Thailand #ThailandInnovationDriven #InnovationIndex #InnovationSystem